สุขภาพและไอคิวเด็กไทยจะดีขึ้น
ตอนที่
1
มารู้จัก
กฎหมายฉบับนี้กัน!
ร่าง พ.ร.บ.ควบคุมการส่งเสริมการตลาดอาหารทารกและเด็กเล็ก อ้างอิงมาจากหลักเกณฑ์สากลว่าด้วยการตลาดอาหารทดแทนนมแม่ (International Code of Marketing of Breast milk Substitutes, จากนี้ จะเขียนย่อว่า Code) ซึ่งสมัชชาอนามัยโลก (World Health Assembly) และประเทศสมาชิกได้ประกาศรับหลักเกณฑ์ตั้งแต่ปีพ.ศ.2524 Code นี้กำหนดไว้เพื่อปกป้องสิทธิของเด็กทุกคนที่ควรได้รับโอกาสให้ได้กินนมแม่ ซึ่งเป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับทารก และเพื่อปกป้องสิทธิของแม่ ให้มั่นใจว่าเมื่อจำเป็นต้องใช้อาหารอื่นแทนนมแม่ แม่จะได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วนผ่านวิธีการตลาดที่เหมาะสม
สมัชชาอนามัยโลกได้มีมติว่า
ทุกประเทศควรทำ Code
ให้เป็นกฎหมายของประเทศตนเอง เพื่อให้บังคับใช้ได้อย่างจริงจัง
ปัจจุบันมีกว่า 80 ประเทศทั่วโลกได้ทำให้หลักการของ Code
ทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมดให้เป็นกฎหมาย
ที่ผ่านมา ในประเทศไทย มีหลักเกณฑ์ว่าด้วยการตลาดอาหารทารกและเด็กเล็ก ตั้งแต่ปี พ.ศ 2527 และปรับปรุงใหม่เมื่อ พ.ศ. 2551 แต่ว่าเป็นเพียงแนวปฏิบัติ ไม่ได้เป็นกฎหมายซึ่งมีผลบังคับใช้และมีบทลงโทษ การละเมิดหลักเกณฑ์จึงยังมีอยู่อย่างแพร่หลาย จึงมีความจำเป็นอย่างมากที่ต้องทำให้หลักเกณฑ์นี้เป็นกฎหมายที่สามารถบังคับใช้ได้อย่างจริงจัง
บริษัทนมทำโฆษณาและการตลาดล้ำเส้นมาโดยตลอด ละเมิดอย่างไรบ้าง ?
เมื่อการตลาดล้ำเส้น
เกิดผลเสียต่อคุณภาพชีวิตของเด็กไทยอย่างไร ?
การส่งเสริมการตลาดผลิตภัณฑ์นมผง
เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้อัตราการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียว 6
เดือนของไทยต่ำเพียงร้อยละ 12.3 เท่านั้น ถือว่าต่ำกว่าทุกประเทศในภูมิภาคอาเซียนขณะที่องค์การอนามัยโลกแนะนำว่าควรอยู่ในอัตราร้อยละ
50 %
มีการวิเคราะห์ว่าหากเด็กไทยทุกคนได้รับนมแม่อย่างเต็มที่
จะสามารถป้องกันการสูญเสียรายได้ถึง 6,818 ล้านบาทต่อปี จากความสามารถของสมองที่เพิ่มขึ้น
และยังประหยัดค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลเด็กที่ป่วยด้วยโรคอุจจาระร่วงและปอดบวมถึง
269 ล้านบาท
องค์การอนามัยโลกยืนยันชัดเจนถึงอิทธิพลของการส่งเสริมการตลาดที่ไม่เหมาะสม ส่งผลให้แม่หยุดเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก่อนเวลาอันควร รวมถึงให้อาหารเสริมก่อนลูกอายุ 6 เดือนอีกด้วย