มีสุขชวนคุย : Your Companion

“มากกว่าการปลูกผัก คือการปลูกชีวิตให้คนเมือง”




เมื่อผลลัพธ์ที่ได้จากการปลูกผักไม่ได้มีแค่เพียงผักผลไม้ที่ปลอดภัยไร้สารเคมีไว้กินเองเท่านั้น แต่ยังได้จุดประกายให้ “ปุ้ย วรางคนางค์ นิ้มหัตถา” กำลังหลักสำคัญจาก “โครงการสวนผักคนเมือง” ได้ต่อยอดแนวคิดให้การทำเกษตรในเมืองไปไกลมากกว่าการสร้างระบบอาหารเกษตรที่ยั่งยืนของเมือง



“โครงการสวนผักคนเมืองของเราจะเน้นเรื่องการเพาะปลูก การทำเกษตรในเมืองและการพึ่งพาตนเองเป็นหลักค่ะ เพราะเราอยากให้คนในสังคมเห็นว่าคนที่อยู่ในเมืองเองก็มีศักยภาพในการผลิตอาหาร รวมถึงการสร้างพื้นที่ผลิต ดึงดูดให้คนในเมืองเข้ามาร่วมเรียนรู้และลงมือทำกันมากขึ้น ซึ่งกระแสตอบรับก็ดีมาก มีทั้งคนมาขอเรียน แล้วก็มีหลายคนเลยที่ติดต่อมาที่โครงการ บอกว่าอยากจะช่วยแบ่งปันประสบการณ์การเพาะปลูกของตัวเอง ตรงนี้ทำให้ปุ้ยรู้ว่าการปลูกผักในเมืองมันไม่ใช่แค่การปลูกเพื่อบริโภคอย่างเดียวแล้ว แต่เราสามารถเชื่อมโยงกับการพัฒนาเมืองในมิติอื่นๆได้ด้วย”


มากกว่าแค่ปลูกเพื่อกิน เพราะสวนผักคนเมืองยังช่วยในเรื่องความสัมพันธ์ของคนเมืองด้วย เช่นการใช้พื้นที่ส่วนกลางในการทำกิจกรรมร่วมกัน จากที่ต่างคนต่างอยู่ ก็หันหน้าเข้าหากันเพื่อเรียนรู้ มาช่วยกันปลูก แบ่งปันกันกิน โดยมีพืชผักปลอดภัยไร้สารเคมีเป็นผลพลอยได้สำคัญ นอกจากนี้การทำเกษตรในเมืองยังเป็นการช่วยพัฒนาพื้นที่รกร้างว่างเปล่าในเมือง ช่วยสร้างพื้นที่สีเขียว สร้างปอดให้คนเมือง ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมในเมืองให้ดียิ่งขึ้น




          “นอกจากเรื่องความสัมพันธ์ของคน เรื่องของสิ่งแวดล้อม มันยังมีเรื่องของการบำบัดเยียวยาจิตใจ เรื่องสวนผักกับการเรียนรู้ของเด็ก มิติพวกนี้มันเลยทำให้เรามองเห็นว่า จริงๆแล้วเรื่องสวนผักในเมืองมันไม่ได้เป็นแค่เรื่องการสร้างอาหาร แต่มันยังสร้างวิถีชีวิต สร้างมิติความสัมพันธ์ทางสังคม ซึ่งเป็นการพัฒนาเมืองของเราให้มันน่าอยู่ขึ้น มีคุณภาพดีขึ้น”



          เพราะการเกษตรในเมืองไม่ใช่แค่เรื่องการปลูกผัก ยังมีปัจจัยอีกหลายด้านที่จะเกื้อหนุนให้ชุมชนเมืองน่าอยู่ มีความมั่นคงทางอาหาร มีสิ่งแวดล้อมที่ดีที่เอื้อต่อสุขภาพและการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของคนเมือง แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องไม่ทิ้งชนบท และเอาตัวรอดแบบปัจเจก เรายังคงต้องให้ความสำคัญกับเกษตรกรที่ผลิตอาหารให้กับเรา รวมถึงให้ความสำคัญกับธรรมชาติ และทรัพยากรด้วย



“การเริ่มต้นปลูกผักไม่ใช่เรื่องยากค่ะ แต่สิ่งที่ยากกว่าคือการลงมือทำ ต้องเลิกพูดว่าเดี๋ยว เพราะไม่งั้นก็ไม่ได้ทำซักที อีกอย่างคือมันมีเรื่องที่ต้องทำความเข้าใจเยอะ ทั้งเรื่องชนิดของพันธุ์พืช การดูแล องค์ประกอบหลายด้านกว่าที่พืชจะเจริญเติบโต ซึ่งเป็นเรื่องที่เราต้องเรียนรู้ควบคู่ไปกับการลงมือทำ ถ้าพยายามทำแล้วมันจะตายในรอบแรกก็ช่างมัน ถือว่าเราก็ได้เรียนรู้ว่ามันตายเพราะอะไร ตายเพราะเราไม่รดน้ำ หรืออาจจะตายเพราะดินไม่ดี เพราะงั้นลงมือทำแล้วก็เรียนรู้มันไป ทุกอย่างก็จะคลี่คลาย”


แม้ว่าท้ายที่สุดแล้วจะไม่สามารถปลูกผักได้จริงๆ แต่อย่างน้อยก็ยังได้เรียนรู้ว่ากว่าที่เราจะปลูกอะไรซักอย่างเพื่อนำมาบริโภคได้นั้นเป็นเรื่องที่ยากลำบากเพียงใด หรือต้องอาศัยเวลา แรงกาย และแรงใจมากแค่ไหน ก็จะช่วยให้เราเข้าใจเกษตรกร เข้าใจผู้ผลิตมากขึ้น รวมถึงเข้าใจว่าทำไมผลผลิตจากการทำเกษตรอินทรีย์จึงได้มีราคาแพง


“การได้ลงมือปลูกผัก หรือทำอะไรด้วยตัวเอง มันช่วยให้เราเข้าใจ เห็นอกเห็นใจคนรอบข้าง โดยเฉพาะคนที่สร้างอาหารให้แก่เรามากขึ้น และความเข้าใจนี้จะช่วยให้เกิดบรรยากาศของสังคมที่ถ้อยทีถ้อยอาศัย ตอบโจทย์เป้าหมายของทางโครงการสวนผักคนเมือง ที่ตอนนี้ไปไกลเกินกว่าการปลูกผักเพื่อการบริโภคนั่นเอง”


หากคุณอยากร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสวนผักคนเมือง ชุมชนแห่งการถ้อยทีถ้อยอาศัย สามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ http://www.thaicityfarm.com หรือติดตามความเคลื่อนไหวของพวกเค้าได้ที่เฟสบุคแฟนเพจ  สวนผักคนเมือง : ปลูกเมือง ปลูกชีวิต  นะคะ ^_^